Line id: stocktutor
Facebook บทความนี้
Facebook รูปภาพบทความนี้
แนวคิดที่เรารู้อนาคตแล้วไปซื้อดักไว้ เกิดขึ้นทุกวงการ การลงทุน การพนัน การดูดวง หรือแม้แต่การศึกษา ที่ทำวันนี้เพื่อผลในอนาคต ในการ trade หุ้น กินส่วนต่าง จะเป็นเรื่องดีแค่ไหนถ้าเราว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งไม่เป็นความจริง อนาคตเป็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ยังไม่ใช่เรื่องจริง แต่ก็มักจะมีการพยายามใช้ ทฤษฎี pattern สูตร เพื่อทำนายอนาคต บอกว่าส่วนที่ขาดหายไป ในทฤษฎีจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต เหมือน jigsaw ที่หายไป เราจะบอกรูปร่าง jigsaw นั้นได้
เราอาจจะค้นหา สูตรทำนายอนาคตเหล่านั้น หรืออาศัยคนอื่นซึ่งอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญสูตรนั้นๆ ในกรณีหุ้นก็อาจเป็นนักวิเคราะห์การลงทุน ที่ยึดทฤษฎีนึงๆแล้วทำนาย สิ่งที่ควรจะเป็นแบบมีเหตุผลให้เราเข้าใจได้
แต่ผลที่ออกมา ก็เป็นอย่างที่เข้าใจ สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องจริง จะพยายามมั่นใจ 80% 90% 100% 120% ก็เป็นแค่ความมั่นใจ ไม่ได้สัมพันธ์อะไรกับเรื่องจริงที่จะเกิด ตัวอย่างนึงก็คือ ราคาควรจะมาหยุดหรือใกล้เคียง แนวรับแนวต้าน แนว fibonacci, trend line ซึ่งความแม่นยำ %win ก็ไม่น่าใช้จริงแต่อย่างใด แต่คนก็ยังนิยมเพราะเป็นที่พึ่งทางใจได้ดี ดีกว่าไม่มีอะไรยึด แต่ดูโอกาสที่จะเกิดขึ้นก็ยังน่าหวั่นใจ ไม่ถึง 50%
แนวรับแนวต้าน
Fibonacci
Trendline
เราจะไม่ค้นหาว่า How to ทำนายอนาคตอย่างไรให้แม่น แต่เราจะจินตนาการกว้างไกลไปกว่านั้น จินตนาการสำคัญกว่าความรู้เสมอ เรารู้ว่า พรุ่งนี้ SET จะปิดที่ราคาใด เป็นตัวเลขที่ชัดเจน ไม่ใช่ช่วงตัวเลขแบบที่นิยมบอกใบ้กัน
ถ้าเรารู้ว่า SET พรุ่งนี้ปิดที่ราคาใดเราจะคำนวณได้ว่าเปลี่ยนแปลงกี่ % จากวันนี้
กลยุทธที่เราจะนำมาทดสอบ ถ้าพรุ่งนี้ปิดบวกเกิน 1% หรือมากกว่า SET ขึ้นแรง เราจะซื้อดักตั้งแต่วันนี้ เมื่อถึงวันพรุ่งนี้เราก็ทำแบบเดิม ถ้าวันมะรืนปิดบวกเกิน 1% ก็ถือ แต่ไม่ใช่ก็ขาย
กลยุทธแบบนี้ คิดดูก็มีเหตุผลที่ดีพอสมควร ซื้อก่อนบวกแรง ถ้าไม่แรงขายทิ้งแล้วทำซ้ำไปเรื่อยๆ
ช้อนซื้อดัก ขายทำกำไร ให้ชื่อกลยุทธว่า Good Day วันที่ดีของเรา
ในขาลงจะขายออกเป็นระยะๆ
Top Secret เป็นระบบเลือกหุ้นจริงๆ ไม่ใช่ SET, index , CAR 28.96%> 20% อยู่ในระดับสูงมาก
payoff 2 ไม่มากแต่ก็เพียงพอ , %win =55% ความแม่นยำไม่มีความสำคัญมาก
เราอาจจะค้นหา สูตรทำนายอนาคตเหล่านั้น หรืออาศัยคนอื่นซึ่งอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญสูตรนั้นๆ ในกรณีหุ้นก็อาจเป็นนักวิเคราะห์การลงทุน ที่ยึดทฤษฎีนึงๆแล้วทำนาย สิ่งที่ควรจะเป็นแบบมีเหตุผลให้เราเข้าใจได้
แต่ผลที่ออกมา ก็เป็นอย่างที่เข้าใจ สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องจริง จะพยายามมั่นใจ 80% 90% 100% 120% ก็เป็นแค่ความมั่นใจ ไม่ได้สัมพันธ์อะไรกับเรื่องจริงที่จะเกิด ตัวอย่างนึงก็คือ ราคาควรจะมาหยุดหรือใกล้เคียง แนวรับแนวต้าน แนว fibonacci, trend line ซึ่งความแม่นยำ %win ก็ไม่น่าใช้จริงแต่อย่างใด แต่คนก็ยังนิยมเพราะเป็นที่พึ่งทางใจได้ดี ดีกว่าไม่มีอะไรยึด แต่ดูโอกาสที่จะเกิดขึ้นก็ยังน่าหวั่นใจ ไม่ถึง 50%
แนวรับแนวต้าน
Fibonacci
Trendline
เราจะไม่ค้นหาว่า How to ทำนายอนาคตอย่างไรให้แม่น แต่เราจะจินตนาการกว้างไกลไปกว่านั้น จินตนาการสำคัญกว่าความรู้เสมอ เรารู้ว่า พรุ่งนี้ SET จะปิดที่ราคาใด เป็นตัวเลขที่ชัดเจน ไม่ใช่ช่วงตัวเลขแบบที่นิยมบอกใบ้กัน
ถ้าเรารู้ว่า SET พรุ่งนี้ปิดที่ราคาใดเราจะคำนวณได้ว่าเปลี่ยนแปลงกี่ % จากวันนี้
กลยุทธที่เราจะนำมาทดสอบ ถ้าพรุ่งนี้ปิดบวกเกิน 1% หรือมากกว่า SET ขึ้นแรง เราจะซื้อดักตั้งแต่วันนี้ เมื่อถึงวันพรุ่งนี้เราก็ทำแบบเดิม ถ้าวันมะรืนปิดบวกเกิน 1% ก็ถือ แต่ไม่ใช่ก็ขาย
กลยุทธแบบนี้ คิดดูก็มีเหตุผลที่ดีพอสมควร ซื้อก่อนบวกแรง ถ้าไม่แรงขายทิ้งแล้วทำซ้ำไปเรื่อยๆ
ช้อนซื้อดัก ขายทำกำไร ให้ชื่อกลยุทธว่า Good Day วันที่ดีของเรา
ผลการทดสอบ
ทดสอบกลยุทธ Good Day กับ SET 20 ปี ซึ่งเป็นช่วงขาลงจากวิกฤติต้มยำกุ้งต่อด้วย sideway นานในช่วงปี 2000 ต่อด้วยวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ แล้วฟื้นด้วย QE
ขาลง sideway ขาขึ้น ครบวงจร
ทำใน Amibroker ที่ใส่เงื่อนไข Buy Sell แล้วกด Back Test
ผลที่ออกมาเป็นเรื่องน่าผิดหวัง Good Day เส้นสีแดง เริ่มต้นด้วยเงินลงทุน 100,000 บาท ผ่านไป 20 ปีกลับมีแค่ 95,958 บาท หายไป 4 พันบาท กลยุทธดีในช่วงหลังวิกฤติต้มยำกุ้ง ซึ่งจะมีการแกว่งรุนแรงของ SET ทุนรวม equity มีเกือบ 250,000 บาท แต่ก็ปรับตัวลงเรื่อยมาแล้วก็ไม่ฟื้นแม้จะเป็นหลังช่วงวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์
กลยุทธ Good Day จะดีในช่วงที่มีแกว่งตัวรุนแรง ไม่ชอบ แกว่งตัวแคบๆ เล่นในระยะยาวที่ตลาดมีหลายแบบจะทำได้แค่เท่าทุน ไม่ได้ทำให้รวยแต่อย่างใด
No Bad Day
เราลองมาทำ Negative Test ซึ่งเป็นท่าบังคับของนักวิจัยที่ต้องทำการทดสอบแบบตรงกันข้าม ป้องกันการ bias จากข้อมูล ถ้า Good Day แย่ กลยุทธ ตรงข้ามจะดี ซึ่งจะยืนยันว่า Good day แย่จริงๆ
แต่ถ้า กลยุทธตรงข้าม Good Day แย่เหมือนกัน เราคงทำอะไรผิด ข้อมูล หรือเงื่อนไขผิด
กลยุทธตรงข้ามกับ Good Day
ขายเมื่อพรุ่งนี้ SET จะลงแรง -1% หรือน้อยกว่า คือลงแรง <-1% เป็นต้นไป ถ้าลงไม่แรงก็ซื้อหรือถือๆไป ตลาดลงไม่แรง คนขายไม่อยู่ คงไม่ลงต่อเนื่อง
กลยุทธแบบนี้ ยากที่จะมี บทวิเคราะห์หรืองบการเงินแบบไหนจะวิเคราะห์ได้ว่าจะลงแรงหรือไม่
ผลที่ออกมา น่าประหลาดใจ อย่างมาก
Ending Balance = 107,399,223,541 บาท จากเงินลงทุน 100,000 บาท พอร์ตมีถึงหนึ่งแสนล้านบาท!!!
แค่ไม่ถือวันที่ลงแรงเกิน -1%
Good Day ให้ผลขาดทุน 4 พันบาท No Bad Day ให้กำไร หนึ่งแสนล้านบาท กลยุทธตรงกันข้ามกันให้ผลต่างกัน ต่างกันมากด้วย
บทเรียนจากสถิติ
ถ้าเราดูที่ค่าสถิติ กลยุทธ แสนล้านบาท เราพบว่า %win หรือความแม่นยำแค่ 53% ซึ่งก็ไม่มากเท่าใด เล่น 2 หนถูก 1 หนผิด 1 หนซึ่งก็พอๆกับ กลยุทธ Good Day ที่ 40% แต่ค่า payoff จะชี้ชัดว่าทำไม No Bad Day จึงกลายเป็นกลยุทธแสนล้านได้
No Bad Day payoff ระดับ 5 ซึ่งเทียบกับ Good day payoff ที่ 1 คือคำตอบ ด้วยจำนวนการ trade ที่ประมาณ 700 ครั้งเท่ากัน
ขยันเท่ากัน trade มากพอๆกัน เดือนละประมาณ 3 หน
กลยุทธนึงเลือกที่จะเรากำไรแล้ว take profit แต่อีกอันเลือกจะถือหลีกเลี่ยงการลงแรง
สรุปเป็นข้อสังเกตได้ดังนี้
- ความแม่นยำมีผลน้อยต่อผลตอบแทนรวม ส่วนมากก็แม่นยำระดับ 50% ซึ่งไม่สัมพันธ์กับผลตอบแทน ใครมาบอกว่าวิธีนี้แม่นยำกว่า แม่น 80% ก็ถือว่าวิธีนั้นเป็นเรื่องไม่จริงได้ เพราะส่วนมากในระยะยาวก็แม่น 50% และที่สำคัญความแม่นยำไม่ได้เป็นตัวชี้วัดผลตอบแทน ไม่มีบทบาทที่จะนำมาพิจาณา
- ขนาดกำไรมีผลต่อผลตอบแทนรวมมาก ขนาดกำไรที่เทียบกับขนาดขาดทุนถ้ามีขนาดใหญ่จะทำให้ผลตอบแทนดี โดยทฤษฎีโบราณในการ trade จะถือว่าวิธีในการ trade นั้นถูกต้อง 100% ไม่มีการขาดทุน ซึ่งไม่จริงในโลกจริง เราจะหา payoff จากทฤษฎีเหล่านั้นไม่ได้ ซึ่งเป็นจุดชี้วัดผลตอบแทนที่สำคัญ ต้องเอา ขนาดกำไร เทียบกับขนาดขาดทุน ถ้าอยู่ในระดับ 1 เท่า ก็เปล่าประโยชน์ แม่น 50% payoff 1 ก็คือเสมอแบบ Good Day ถ้าใช้ทฤษฎีโบราณในการ trade ก็ต้องทำส่วนเพิ่มเติมในการจัดการขาดทุนให้มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับกำไร ต้องทำเพิ่มใช้ตรงๆไม่ได้ จึงเป็นสาเหตุที่เรา เรียนทฤษฎีมาอย่างดีแล้วก็ยังขาดทุน เพราะขาดวิธีจัดการการขาดทุนให้มีขนาดเล็กนั้นเอง
- ถ้าเรากำไรปีละ 100% หรือเดือนละ 8% 20 ปีเงิน 1 แสนจะกลายเป็น 1 แสนล้านบาท แชร์ลูกโซ่ส่วนมากจะบอกว่าปันผลกำไรเดือนละ 10% ซึ่งจะทำให้กลายเป็นเศรษฐีแสนล้านได้ แต่แชร์ลูกโซ่อยู่ไม่เคยถึง 20 ปี วงจะแตกก่อน ถ้าแชร์หรือนักเล่นหุ้น forex บอกว่าได้เดือนละ 10% คุณกำลังคุยถึงเงิน หนึ่งแสนล้านในอีก 20 ปี
- การหลีกเลี่ยงขาลง ดีกว่ารีบ take profit เล็กน้อย ซึ่งการ cut profit เป็นจิตวิทยาที่นักลงทุนชอบทำกันมากที่สุด ได้กำไรต้องขาย ขาดทุนถือไปเรื่อยๆ ถ้าทำกลับกันเราจะประสบความสำเร็จ กำไรไม่ขาย แต่พอขาดทุนรีบขาย ทำซ้ำๆ จนกว่าตลาดเป็นขาขึ้น ผลสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ดีในตลาดขาขึ้น ความเข้าใจนี้จะทำให้พฤติกรรมเราเปลี่ยนได้
- การหลีกเลี่ยงขาลง อาจดีกว่าการหาว่าตลาดจะขึ้นเมื่อไหร่ หรือไม่เล่นในขาลง แต่เล่นหุ้นในขาขึ้น ถ้าในการเล่นแบบเทคนิค จะพอบอกได้ว่าตอนไหนเป็นขาขึ้นหรือขาลง แต่ถ้าใช้วิธีงบการเงิน การหลีกเลี่ยงขาลงของงบการเงินพอทำได้ แต่อาจช้ามากไป บริษัทที่แย่ ราคามักวิ่งลงไปก่อนงบจะบอกออกมาในจุดกลับตัวซึ่งจะหนีไม่ทันแล้ว และบริษัทที่งบดี ราคาไม่ดีก็มีมาก การอ่านงบการเงินมักจะค้นหาว่าบริษัทดีเพราะอะไร ซึ่งก็คล้ายกับกลยุทธ Good Day
- การรักษาเงินต้นสำคัญกว่าการทำกำไร กำไรถ้าเป็นขาขึ้นจะมีมาเองถือไปเรื่อยๆก็กำไร แต่พอขาลงมา เงินต้นต้องลดลงให้น้อยเพื่อมีสภาพคล่องในการซื้อหลังจากวิกฤติ ถือนานๆได้ พอตลาดลงต้องรีบขาย ตลาดหยุดลง กลับมาซื้อใหม่ ขาขึ้นเราอยู่ ขาลงเราหนี
กลยุทธที่ไม่ต้องรู้อนาคต
ในทางเทคนิคเราจะแยกได้ว่าเมื่อไหร่เป็นขาขึ้นหรือขาลงโดยใช้ indicator ทั่วๆไป บทเรียนจาก No Bad Day ก็จะทำให้เราสร้างกลยุทธที่ใช้งานได้จริง โดยที่ไม่ต้องรู้ว่าพรุ่งนี้ SET จะปิดที่ราคาไหน ไม่รู้อนาคตเราก็แยกได้ว่าเมื่อไหร่ขาขึ้นหรือขาลง
ผลการทดสอบที่ออกมาก็น่าประทับใจ
Timing ซึ่งเป็นกลยุทธ ซื้อเมื่อเป็นขาขึ้น ขายเมื่อเป็นขาลง ก็ทำได้ดีกว่า SET หลายเท่าน
Secret ซึ่งเป็นกลยุทธเลือกหุ้นขาขึ้น ขายเมื่อเป็นขาลงยิ่งน่าประทับใจอย่างมาก
กลยุทธ เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องทำนายอนาคตด้วย pattern ใดๆเลย แค่บอกปัจจุบันว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง
หลักคิดก็มาจาก ขาขึ้นเราอยู่ ขาลงเราขายเท่านั้นเอง
Timing ทำได้ดีเมื่อเป็นขาขึ้น เพราะจะอยู่ในขาขึ้น ส่วนขาลงจะขาย
สถิติ payoff 3 อยู่ในระดับสูง แม้ %win ไม่มาก , equity curve ในขาขึ้นก็เหมือนขาขึ้นในขาลงจะขายออกเป็นระยะๆ
Top Secret เป็นระบบเลือกหุ้นจริงๆ ไม่ใช่ SET, index , CAR 28.96%> 20% อยู่ในระดับสูงมาก
payoff 2 ไม่มากแต่ก็เพียงพอ , %win =55% ความแม่นยำไม่มีความสำคัญมาก
แม้จะไม่ใช่กลยุทธแสนล้านที่ทำนายอนาคตได้ แต่ Top Secret ที่มี pay off 2 ก็ทำได้ถึง 16 ล้านบาทจากทุนแสนบาทเมื่อ 20 ปีที่แล้ว โดย Top Secret ปรับปรุงมาจาก Timing ที่คงสภาพ pay off ให้เกิน 2 เท่า แม้ %win ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ความแม่นยำมีบทบาทน้อย แต่เพราะ จำนวน trade อาจมากกว่า timing อีกทั้ง Top Secret เป็นการเลือกหุ้น ไม่ใช่ SET index , หุ้นจะมีความแกว่งตัวแรงกว่า จึงมีผลให้กำไรปีละเกิน 20% เป็นสิ่งเป็นไปได้ที่ 28.96%
การเล่นหุ้นเราไม่จำเป็นต้องวุ่นวาย สรรหาปัจจัย วิธีการทำนายอนาคตใดๆ เลย แค่บอกให้ได้ว่าปัจจุบันเป็นขาขึ้นหรือขาลง หลีกเลี่ยงขาลง อยู่ในขาขึ้นก็จะได้ผลดีในการลงทุน ไม่จำเป็นต้องเล่นหุ้นทุกวันทุกช่วงเวลาของตลาด
Big shots are only little shots who keep shooting.
Christopher Morley
Line id: stocktutor
สนใจเรียนระบบเลือกหุ้น Secret ฝาก email ไว้ที่นี่
รายละเอียดเพิ่มเติม มีระบบ TFEX และ Secret
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น