วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Systematic Trading:หุ้นธรรมดา+เทคนิคเยี่ยม=ผลตอบแทนระดับสูง

การลงทุนในหุ้น จะสามารถทำผ่านวิธีการวิเคราะห์ที่นิยมใช้กันได้สองลักษณะคือ ปัจจัยทางพื้นฐานของหุ้น Fundamental Analysis ปัจจัยทางเทคนิคของราคาหุ้น Technical Analysis หรือเรียกว่า เล่นหุ้นพื้นฐาน เล่นหุ้นทางเทคนิค โดยทั้งสองวิธีวิเคราะห์มีหลักการทฤษฎีที่เป็นรูปแบบเฉพาะของตนเอง โดยหัวข้อและวิธีปฏิบัติของวิธีวิเคราะห์ทั้งสอง มีทั้งแบบที่ขัดแย้งกันและเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกันของทั้งสองวิธี เพราะวิธีทั้งสองสร้างมาจากแนวคิด ทฤษฎีที่สังเกตลักษณะธรรมชาติที่เกิดขึ้นจริงในมุมมองที่ต่างกัน วิธีจะบังเอิญเหมือนกันก็คงจะเป็นไปได้ยาก
การวิเคราะห์ทั้งสองแบบจะมีจุดอ่อนจุดแข็งที่ต่างกัน ซึ่งผลตอบแทนของผู้ที่ใช้วิธีวิเคราะห์ดังกล่าวจะขึ้นกับความรอบคอบในการ ส่งเสริมจุดแข็ง ปกป้องจุดอ่อน ให้โดดเด่นมีความได้เปรียบในการแข่งขันได้ทุกสภาวะตลาด

Fundamental Analysis

สร้างมาจากหลักการที่กล่าวว่า หุ้นซึ่งสะท้อนธุรกิจกิจการต้องมีมูลค่า(Value) โดยจะใช้ประโยชน์จากมูลค่าที่หาได้ อาจรอซื้อที่ต่ำกว่ามูลค่า หรือซื้อที่มูลค่าที่เหมาะสมซึ่งก็ขึ้นกับ Style การลงทนุ มูลค่าในสมัยเริ่มแรกที่มีการใช้ Fundamental Analysis จะมีวิธีในการวัดมูลค่าโดยตรง วัดมูลค่าจากสิ่งที่จำต้องได้ ลงบันทึกทางบัญชีได้ เหมือนการตีมูลค่าสินค้าที่ทำการซื้อขายโดยทั่วไป แต่มูลค่ากิจการในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำซึ่งเป็นยุคเรื่องต้นของ Fundamental Analysis อาจวัดจาก Book Value หรือมูลค่าทางบัญชีได้โดยตรง แต่เมื่อยุค Baby Boom เศรษฐกิจเฟื่องฟูหลังสงคราม ทหารกลับจากสงครามมาสร้างกิจการ ธุรกิจที่ทำต่อเนื่องกันไปจะสร้างมูลค่าเพิ่มทวีคูณได้หลายเท่าของ Book Value การวัดด้วยมูลค่าทางบัญชีจึงไม่ได้สะท้อนความสามารถของกิจการได้ครบถ้วน ก็มีการค้นคิดทฤษฏีต่อเนื่องปรับปรุงด้วยการใช้ Item หลายอย่างในงบการเงินมาประเมินมูลค่า อาจจะเป็นกระแสเงินสด ที่สามารถนำไปลงทุนได้ (Free Cash Flow:FCF) ซึ่งเป็นแบบในปัจจุบันที่ใช้วิธี DCF(Discount Cash Flow) ซึ่งใช้การทำนายอัตราการเติบโตของธุรกิจเป็นส่วนประกอบในการคำนวณหามูลค่ากิจการ
ไม่ว่าจะหามูลค่ากิจการด้วยวิธีใดมา กลยุทธที่ซื้อขายต่อมาก็จะใช้มูลค่าที่คำนวณได้เหล่านั้นมาเป็นมาตรฐาน อาจรอซื้อที่ Margin of Safety หรือส่วนเผื่อความปลอดภัยที่ลดราคา 30% คือซื้อถูกกว่ามูลค่า 30% เพื่อลดผลกระทบการทำนายมูลค่าผิดพลาด และจะทำการขายหุ้นเมื่อมูลค่าอยู่ห่างจากระดับราคามากๆ ซึ่งก็แล้วแต่ การสังเกตว่าจะเป็นระดับใด

แต่ในสมัยปัจจุบัน มีทฤษฎีที่ปฏิเสธการทำนายมูลค่ากิจการ แต่ใช้แค่เพียงแยกกิจการดีหรือไม่ดีออกจากกัน เพราะการทำนายมูลค่ากิจการคือการทำนายแบบนึงโอกาสผิดพลาดต้องมีเสมอ จะมีน้อยใกล้เคียงหรือมากแบบผิดพลาดมโหฬารนักลงทุนก็จะเจอประสบการณ์แบบนี้มาบ่อยครั้ง การแยกว่าบ.นี้ดี ก็จะทะยอยสะสม ไปจนกว่าจะตรวจพบโดยเงื่อนไขว่าบ.เริ่มไม่ใช่อย่างที่ตั้งใจให้ดี โดยการติดตามผ่านงบการเงิน ผลการดำเนินงาน กิจการที่เกิดขึ้น วิธีแบบนี้จะเป็นวิธีที่ต้องใช้ความรู้ความชำนาญอย่างมากแยกแยะบ.ดีออกจากบ.ธรรมดา บ.ที่ไหนก็จะโฆษณาว่าบ.ดี การจะตรวจพบสิ่งผิดปกติได้ต้องมีความรอบคอบ ช่างสังเกตอย่างมาก

จุดเด่นของวิธีนี้คือ การทำความเข้าใจธุรกิจอย่างลึกซึ้งเหมือนเป็นเจ้าของธุรกิจ ถ้าเข้าใจอย่างถ่องแท้จะเข้าใจความเป็นไปของกิจการและสามารถใช้ประโยชนจากความเข้าใจดังกล่าวได้

จุดอ่อน ต้องใช้ประสบการณ์อย่างสูงในการทำความเข้าใจประเมินมูลค่า ธุรกิจแม้จะเหมือนกันอาจมีมูลค่าที่ต่างกัน ทำเล ประเภทลูกค้า ความได้เปรียบทางเทคโนโลยี จะสร้างความแตกต่างได้อย่างมากในระยะยาว มือใหม่ยากที่จะประเมินสิ่งที่แม้แต่ CEO ยังไม่รู้ให้ได้ลึกซึ้งก็คงจะเป็นไปได้ยาก ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมักจะกลายเป็นเรื่องเดาตามข่าว ซึ่งก็คาดเดาได้อยู่แล้วว่าผลกระทบเป็นเช่นไร ถ้าเข้าใจธุรกิจได้ถ่องแท้ก็มีคำถามตลก ว่าแล้วมาเสียเวลาดูกิจการคนอื่นทำไม ทำไมไม่ไปสร้างกิจการเอง ที่รู้รู้จริงหรือนึกเดาเอา

Technical Analysis

สร้างมาจากหลักการที่กล่าวว่า ทุกเหตุการณ์ได้กระทบไปราคาไปแล้ว (Everything discount in price ) ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจมหภาค ความสามารถกิจการ การแข่งขัน น้ำท่วม ไฟไหม้ การประชุมประท้วง ทุกอย่างสร้างผลกระทบในราคาไปแล้ว(แต่มีช่วงระหว่างก่อนกระทบ หลังกระทบซึ่งเป็นช่วงสั้นมากๆ ซึ่งไม่น่าจะสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบ ยกเว้น High Frequency Trading HFT ที่ monitor ข้อความในข่าวได้ และแปรความหมายออกมาได้) ถ้าทุกอย่างสร้างผลกระทบในราคาไปแล้ว ความได้เปรียบเสียเปรียบ จะเกิดขึ้นจากการวิเคราะห์รูปแบบของราคา ที่จะสร้างรูปแบบบางอย่างในปัจจุบันและจะบอกใบ้บางอย่างในอนาคต
ความได้เปรียบเสียเปรียบจาก Pattern ก็จะสร้างวิธีปฏิบัติมากมายในการสร้าง Pattern Dictionary เพื่อเปรียบเทียบสิ่งที่เกิดขึ้น และคาดว่าจะเกิดอะไรตามมาด้วยหลักคิด History repeat itself  อะไรที่เคยเกิดขึ้นแล้วจะเกิดขึ้นอีกครั้ง การหา Pattern ได้ถูกต้องก็จะเหมือนการหาแผนที่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตได้นั่นเอง
แต่ก็เหมือนศาสตร์ในการทำนายทั่วๆไป ความแม่นยำเป็นสิ่งที่คาดหวังอะไรไม่ได้ แต่เป็นเรื่องที่สนุกตื่นเต้นในการทำนาย ไม่ว่าจะทายถูกหรือทายผิด

ในยุคแรกของ Technical Analysis ซึ่งก็เป็นยุคเดียวกับ Fundamental Analysis เกิดขึ้นมา การทำนายเป็นงานหลักของ TA ที่จะต้องเปิดกราฟ(สมัยนั้นเป็นกราฟกระดาษ ไม่มี computer) แล้วใช้วิชาเรขาคณิต ไม้บรรทัด ไม้วัดมุม Protector วัดสิ่งที่เกิดขึ้น และสร้างเป็น Pattern dictionary ว่าถ้ามีลักษณะเรขาคณิต ความยาวของการเคลื่อนไหวราคาลักษณะนี้ จะสามารถทำนายอนาคตอะไรได้
ปัจจุบันวิธีนี้ก็ยังนิยมใช้อยู่เพียงแต่เปลี่ยนจาก กระดาษ ไม้บรรทัด ดินสอ ยางลบมาเป็น กราฟทางคอมพิวเตอร์แต่วิธีใช้ หลักการการหา Pattern ยังคงเดิม

เมื่อมีการจดบันทึกวิธีที่ Technical Analysis ทำนายไว้ บันทึกและประเมินทางสถิติ ความแม่นยำก็เป็นสิ่งที่คาดหวังอะไรไม่ได้เลย เหมือนการทำนายในเรื่องอื่น แต่สิ่งผลผลิตจากการประเมินทางสถิติจะสร้างบางสิ่งตามมาคือ  Pattern Strategy ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่าง นักลงทุนต้องทำสิ่งใด โดยไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นไปตามนั้นเท่าใด แต่การทำซ้ำๆจนระดับ sampling หรือจำนวนการ trade ไปถึงระดับครอบคลุมมากเพียงพอ ผลตอบแทนก็จะใกล้เคียงกับค่าสถิติที่ทดสอบมา การทำซ้ำๆจนได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับสถิติ
ลักษณะดังกล่าวยืม History Repeat itself ของ TA มาแต่ปฏิเสธการทำนาย รู้อยู่แล้วว่าการทำนายในระยะสั้นจะทำไม่ได้ แต่จะมีความแม่นยำในระดับนึง เช่น trade 10 หน %win=60% ถ้าขาดทุนมาแล้ว 2 ครั้งจากการ trade 5 ครั้ง ครั้งที่ 6 จะบอกไม่ได้ว่าจะกำไรหรือขาดทุน แต่จะบอกได้ว่า ขาดทุนมาแล้ว 2 ครั้งจะขาดทุนได้อีก 2 หน ทำนายครั้งถัดมาไม่ได้ แต่จะบอกแนวโน้มสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ตัวเลข %win ก็ไม่ได้การันตีว่าจะเป็นตัวเลขนี้ตลอดไปในระยะสั้น แต่ในระยะยาวจะมีความใกล้เคียง

Pattern Strategy จะพบเห็นได้บ่อยครั้งใน Trader Magazine ทั่วไปซึ่งประเทศไทยไม่มีนิตยสารชนิดดังกล่าว Magazine เหล่านี้จะนิยมในประเทศที่เป็นศูนย์กลางการเงินที่มี Trader อยู่อาศัยเช่น USA, UK, Germany

จุดเด่น ใช้เวลาตัดสินในระยะเวลาสั้นเปิดกราฟมาทำตามวิธีที่ฝึกฝนมาบางครั้งไม่เกิน 5 วินาทีก็จะบอกได้ว่าต้องทำอะไร อีกทั้งเครื่องมือกราฟที่ทันสมัย realtime ความรวดเร็ว สะดวก และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย วิธีการต่างๆก็มีการเผยแพร่แผ่หลายหาได้ง่าย การติดตามข่าวสารแบบเจาะลึกไม่มีความจำเป็นมากเพราะเรื่องราวก็อยู่ในราคาอยู่แล้ว

จุดด้อย ง่ายที่จะผิด พอๆกับง่ายที่จะใช้ เพราะวิธีที่หลากหลายและหลายวิธีเป็นการทำนายอนาคต ด้วยทฤษฎีที่แค่บอกต่อๆ แต่เมื่อพิสูจน์แล้วใช้ไม่ได้ แต่คนใช้ไม่มีใครรู้ว่าวิธีเหล่าล้าสมัยไปแล้วตั้งแต่ 50 ปีที่แล้วก่อนยุค computer ถือกำเนิด แต่ก็ยังนำมาใช้ต่อเนื่อง เพราะ เพื่อนบอกต่อ นักวิเคราะห์บอกต่อ โดยไม่มีการทดสอบมาอย่างดี เทคนิคดังกล่าวก็จะเป็นแค่เทคนิคข่าวลือ เป็นเรื่องไม่จริงที่นิยมแพร่หลายไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้น
นอกจากนั้นบางเทคนิควิธี คลุมเคลือยากที่จะทำในทางปฏิบัติ แต่ก็มักจะจัดสัมมนาให้ไปเรียนเรื่องที่ทำไม่ได้จริงในตลาด แต่ทำได้จริงแค่ตัวอย่างที่หยิบมาสอนก็ยังนิยมเรียนและสอนกันตลอดไปเช่นเคย เพราะความเข้าใจยากของวิธีเหล่านั้น ถ้าง่ายคงจะไม่มีใครไปฟัง

Systematic Trading

เมื่อยุคของ computer เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมาและ computer ส่วนบุคคลเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาถึง คณิตศาสตร์สถิติ Programming Coding ก็นิยมแพร่หลายไปทุกวงการในลักษณะเป็นเครื่องมือในการวิจัยค้นหาความจริง ตั้งแต่การสร้างรถยนต์อย่างไรให้กินน้ำมันน้อย การสร้างบ้านให้ทนแรงแผ่นดินไหว การยิงกระสวยอวกาศ ต่างก็ใช้ลักษณะคณิตศาสตร์สถิติ ผ่านการ Coding 
ในการลงทุนหุ้นก็จะหนีไม่พ้นการค้นหาความจริงทางสถิติเช่นเดียวกัน ระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจัย การวิจัยที่จะเปิดเผยความจริงได้ ก็จะถูกนำมาใช้ในการลงทุนหุ้น
กองทุนรวมเก็งกำไร Hedge fund ซึ่งปกติจะประกอบไปด้วยนักคณิตศาสตร์อวกาศ นักคณิตศาสตร์เศรษฐศาสตร์ ก็สามารถใช้ความสามารถของ computer เข้ามาสร้างกลยุทธที่เหมาะสมในการสร้างกองทุนรวมเก็งกำไรได้

การใช้การวิจัยลักษณะดังกล่าว ก็สามารถเปิดเผยสิ่งที่ Technical Analysis ทำนายว่าน่าเชื่อถือเพียงใดได้(มีนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลเมื่อไม่นานมานี้ เปิดเผยเกี่ยวกับการทำนายราคาหุ้น อาจจะไม่ได้ทำนายด้วย TA แต่เป็นการทำนายราคาในภาพรวมว่าระยะสั้นจะทำไม่ได้ แต่ในระยะยาวอาจทำได้)

การใช้ Computer Analysis ในการลงทุนจะเริ่มแพร่หลายอย่างมากในช่วงปี 2008 ก่อน Subprime จะเกิดขึ้นความพร้อมของทฤษฏีและเครื่องมือสามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ และเป็นที่มาของ Systematic Trading ที่ใช้ Computer เป็นเครื่องคำนวณตั้งแต่คัดเลือกหุ้นด้วยเงื่อนไขที่อาจเป็น Fundamental หรือ Technical คัดเลือกหุ้นที่น่าสนใจ เลือกตลาดหรือสินทรัพย์ที่โดดเด่นในการลงทุน
เราจะสังเกตสิ่งเหล่านี้ได้ถ้าเกิดการซื้อหรือขายหุ้นในภูมิภาคใดจะเกิดขึ้นพร้อมๆกันในหลายประเทศ ที่เกี่ยวข้องกัน ด้วยการส่ง order เป็นชุดคำสั่ง เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในลักษณะทฤษฎีสมคบคิด เราจะไม่มีทางพิสูจน์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นลักษณะที่มี บุคคลหรือ Guru เป็นผู้กำหนดด้วยประสบการณ์ หรือเป็นแบบ Semi Guru หรือใช้คนตัดสินใจจากข้อมูลที่ Computer เลือกให้บางส่วน 
แต่ถ้าเราคิดในมุมของเราว่าถ้ามีข้อมูลที่ทดสอบจนเป็นกลยุทธที่สมบูรณ์และมีความทนทาน ถ้าเราเป็นผู้จัดการกองทุนนั้นจะไม่ใช้ข้อมูลที่มีประโยชน์ดังกล่าว และถ้าผู้จัดการกองทุนทำงานซ้ำๆจนสามารถสร้างเป็นกลยุทธที่สมบูรณ์แล้ว คำสั่งเหล่านี้จะยังจำเป็นต้องมี Guru มาแทรกแซงหรือไม่ หรือเป็นแค่คำสั่งอนุมัติที่มีให้เลือก Yes or No คงไม่เป็นลักษณะเติมคำในช่องว่าง

Systematic Trading ไม่ได้มีข้อกำหนดว่าต้องใช้แค่ปัจจัยพื้นฐานงบการเงิน กิจการในอนาคต ความสามารถทางการแข่งขัน ซึ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนเป็นการคำนวณเชิงปริมาณได้ทั้งหมด (Quant) หรือต้องใช้แค่ปัจจัยทางเทคนิค ซึ่ง 100% ของ Technical Analysis (รวม Elliott wave ด้วย) สามารถ coding เป็นคำสั่งใน computer ได้ทั้งหมด
Systematic Trading จะเหมือนการสร้าง Business Model ใช้วิธีอย่างไรให้การลงทุนได้เปรียบในการแข่งขันทุกสภาวะ

จุดเด่น การเลือกหุ้นด้วยระบบ พร้อมจังหวะซื้อขายที่เป็นสูตรที่ทดสอบมาทางสถิติจะเป็นเรื่องสะดวกต่อผู้ใช้งานเหมือนผู้จัดการกองทุนทั่วโลกที่ต้องอิงกับระบบใดระบบหนึ่งไว้เสมอ ซึ่งผลตอบแทนคาดหวังของวิธีนี้ในระยะยาวจะให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับการทดสอบทางสถิติที่ผ่านมาซึ่งเป็นสิ่งทีผู้จัดการกองทุนทั่วไปคิดแล้วเพียรพยายามที่จะทำให้ถึงค่าสถิติ หรือ เป้าหมายถ้ากล่าวในแง่มุมธุรกิจ ความน่าจะเป็นของผลตอบแทนจะมีลักษณะเหมือน นำลูกปิงปองสีแดง 50 ลูก สีขาว 50 ลูกใส่ลงในกระป๋อง แล้วสุ่มจับขึ้นมาจะบอกไม่ได้ว่า ครั้งต่อไปจะเป็นสีแดง หรือขาว แต่จะบอกได้ว่า จะหยิบขึ้นมาจนครบแล้วจะมีสีแดง 50 ลูกแน่นอน ถ้าหยิบสีแดงขึ้นมาได้ 20 ลูกต้องเหลือสีแดง 30 ลูก แต่ก็บอกไม่ได้ว่าครั้งต่อไปจะเป็นสีขาวมากกว่าสีแดงแน่ๆ แค่มีแนวโน้ม

จุดด้วย ระบบเลือกหุ้นและจังหวะซื้อขายจะสร้างขึ้นมายาก ทั้งด้วยข้อจำกัดของทฤษฎีที่เปลี่ยนจนนำไปปฏิบัติได้หรือเครื่องมือที่เปลี่ยนแค่แนวคิดเป็นเรื่องจริง การสร้างระบบเช่นนี้ต้องใช้ Expert Human เป็นผู้สร้างขึ้นมา ซึ่งปกติก็ทำงานในกองทุนรวม โดยระบบการเลือกหุ้นจะเป็นระบบที่สร้างได้ยากมากกว่าจังหวะซื้อขาย ระบบเลือกสินทรัพย์ หุ้น ทองคำ น้ำมัน ค่าเงิน ก็เป็นสิ่งที่กองทุน Hedge Fund ถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดของกองทุน ที่เป็นเช่นนี้เพราะสินทรัพย์ในตลาดการเงินจะมีจำนวนมาก การ detect ว่าสินทรัพย์ใดน่าสนใจจะเป็นเรื่องยากมากในการสร้างระบบให้มีประสิทธิภาพ ส่วนจังหวะซื้อขายซึ่งจะมีรูปแบบที่จำกัดจะสร้างขึ้นมาได้ง่าย การเคลื่อนไหนของราคาจะมีรูปแบบที่จำกัดที่สร้างระบบมาเกาะกับการเคลื่อนไหวของราคาได้

Secret Stock: ระบบเลือกหุ้นและจังหวะซื้อขายแบบอัตโนมัติ

Secret Stock เป็นระบบการเลือกหุ้นและให้จังหวะซื้อขายโดยอัตโนมัติที่ทำได้อย่างสมบูรณ์จากราคาปิดของหุ้นเท่านั้น โดยสร้างมาจากบางส่วนของ Technical Analysis และบางส่วนเป็นการวิเคราะห์ความได้เปรียบเสียเปรียบเพื่อให้ระบบอยู่รอดและสร้างผลตอบแทนให้ได้ในระดับสูง ตรงตามเป้าหมายที่เขียนไว้ใน เกษียณรวย ที่มีเป้าหมายง่ายๆที่ต้องการผลตอบแทนระดับ 20% ทบต้นต่อปี โดยไม่ได้กำหนดว่าต้องใช้วิธี Fundamental หรือ Technical 
ผลตอบแทนระดับ 20% ที่มาจากวิธีไหนก็เป็น 20% ได้เหมือนกัน ขอให้ได้ระดับใกล้เคียง 20% ผลตอบแทนระดับนี้ ไม่สามารถหาได้จากการฝากประจำหรือปันผลจากที่ใด(ปันผลอย่างเยี่ยมยอดจะได้ไม่ถึง 10% และไม่สม่ำเสมอทุกปีแนวโน้มจะลดลงมากกว่าเพิ่ม)

การลงทุนโดยทั่วไปจะมีความไม่แม่นยำของวิธีต่างๆอยู่ที่ระดับนึงอยู่แล้ว ไม่ได้แม่นยำใกล้เคียงระดับ 80% แต่อย่างใด ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงความแม่นยำระดับ 100% แต่อย่างใด ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่าจะมีระบบที่ให้ความแม่นยำระดับ 100% หรือ 80% ในระยะยาว ในทางสถิติจะสามารถพิสูจน์ได้ว่า ยากที่จะเกิดขึ้นจริงๆ แต่ในช่วงสั้นๆจะทำได้ เหมือนกับทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์ที่เราไม่มีความแม่นยำในการหาความเร็วและตำแหน่งได้พร้อมกัน หรือคิดให้ง่ายขึ้น เราจะสร้างความแม่นยำมากๆไม่ได้ ไม่ว่าจะทำอะไร

ความไม่แม่นยำที่เกิดขึ้นจากการเลือกวิธีใดวิธีนึงหรือผสมกัน ก็จะเกิดขึ้นเสมอ ในทางปฏิบัติเราก็จะเลือกวิธีที่ปฏิบัติได้ง่ายที่มีระดับความแม่นยำที่พอยอมรับได้ การเลือกวิธีที่ง่าย Simple is the best จะง่ายต่อการออกแบบ สร้างสรรค์ ทดสอบและที่สำคัญการทดสอบ Robust ความทนทาน เนื่องจากเราทดสอบข้อมูลในอดีตซึ่งไม่ได้การันตีสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต การทดสอบที่ดีต้องทำเพื่อในกรณีที่ยังไม่เคยเกิดขึ้น โดยจะเกิดในลักษณะคล้ายอดีตแต่ไม่ซ้ำทุกประการ การทดสอ Robust อาจทำได้ผ่านการ Optimize parameter เมื่อเปลี่ยนค่าจะเกิดผลกระทบร้ายแรงอย่างไรได้บ้าง
เหตุการณ์ในอนาคต อาจเกิดการแกว่งของราคาที่รุนแรงมากขึ้นหรือ sideway นิ่งสนิท เราจะจำลองสถานการณ์แบบนั้นได้ แต่ในทางกลับกันเราเปลี่ยน parameter ซึ่งก็จะสร้างระบบที่ parameter ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ 
ผลลัพธ์ที่ออกมาของระบบถ้ายังปกติดี ก็หมายถึง ไม่มีอะไรทำร้ายระบบให้พังทะลายลงได้
ระบบในอดีตที่มีข่าวการล้มละลายของ ธนาคาร วาณิชธนกิจต่างๆ มักจะไม่มีการทดอสอบ Robust ความมั่นคงของสถาบันเมื่อเกิดวิกฤติ เมื่อเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น ไม่ว่าบ.จะใหญ่โตแค่ไหนก็พังให้เห็นออกบ่อยครั้ง

โดยส่วนมากของเวลาระบบ Secret Stock จะทำได้ดีกว่าระดับมาตรฐาน แต่ในบางสภาวะระบบจะทำผลตอบแทนได้ไม่ดีเท่ากับ มาตรฐานหรือนักลงทุนเลือกเล่นเอง ที่เป็นเช่นนี้เพราะลักษณะธรรมชาติทางสถิติที่จะมีความไม่แม่นยำ ทำได้ไม่ดี แต่สถิติในระยะยาวจะสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าประทับใจ เพราะระบบมีลักษณะที่ออกแบบมาให้คว้ากำไรที่มากๆเมื่อโอกาสมาถึง แต่ยอมขาดทุนได้มากเช่นกันซึ่งจะสร้างความเสี่ยงในการขาดทุนมากขึ้นมาได้ แต่อย่าลืมว่าในระยะยาวสิ่งที่นักลงทุนต้องการคืออะไร ความแม่นยำหรือกำไรรวม

ระบบ Secret Stock สร้างจาก Technical Analysis หรือ เล่นหุ้นทางเทคนิค หรือ เล่นหุ้นตามระบบ ผสมกับการสร้างและออกแบบระบบให้ทนทานซึ่งเป็นลักษณะของ Systematic Trading(TA ไม่มีการประเมินระบบว่าทนทานหรือไม่ มีแต่บอกว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น)
Secret จะเป็นความลับทั้งวิธีการเลือกหุ้นที่ต้องใช้การสังเกตความลับนี้ในลักษณะธรรมชาติจริงว่ามีลักษณะแบบใด และความลับของจังหวะซื้อขายว่าวิธีใดจะเหมาะสมทั้งผลตอบแทนและความเสี่ยง

Secret Stock จะประกอบด้วย
  • การเลือกหุ้นแบบอัตโนมัติ, ระบบจะเลือกหุ้นจาก indicator วัดเปรียบเทียบหุ้นใน scope ทีสนใจและคัดเลือกหุ้นที่โดดเด่นมาให้ด้วยจำนวนหุ้นที่น้อยมากๆ ถ้าดูในตัวอย่างจะให้ซื้อขายหุ้นไม่เกิน 10 ตัว ที่เป็นแบบนี้เพราะรู้ว่าการซื้อหุ้นจำนวนมากจะเป็นการ diversified risk and profit ลดทอนความเสี่ยงและกำไรออกไป การเลือกหุ้นจำนวนน้อยที่เหมาะสมที่โดดเด่นอย่างแท้จริงจะสร้าง focus proft ได้ โดยใช้วิธีของจังหวะซื้อขายเป็นการลดความเสี่ยงแทนการกระจายตัวหุ้น การกระจายหุ้นและใช้จังหวะซื้อขายลดความเสี่ยงไปพร้อมๆกันจะยิ่งเป็นการลดความเสี่ยงและกำไรที่ซ้ำซ้อนกันมากเกินความจำเป็น
  • จังหวะซื้อขายอัตโนมัติ, ระบบจะแนะนำให้ซื้อขายที่จังหวะราคา เวลาที่เหมาะสม ที่บอกว่าราคาและเวลา เพราะการบอกแค่ราคาซึ่งปัจจุบันไม่มีระดับราคานี้จะเป็นแค่การแนะนำที่ดีแต่ทำไม่ได้ในทางปฏิบัติ ระบบจะให้คำแนะนำทั้ง ราคาถ้าไม่ได้ราคานี้ ควรซื้อในเวลาเหล่านี้ ถ้าไม่ได้ทั้งราคาและเวลา คงต้องกะประมาณด้วยตัวนักลงทุนเองซึ่งจะเกิดขึ้นได้ยาก, ราคาและเวลาจะเป็นสิ่งที่เหมาะสม ง่ายต่อการปฏิบัติถ้านักลงทุนไม่ละเลยคำแนะนำเหล่านั้น
เนื่องจากระบบใช้การเลือกหุ้นด้วย Technical หุ้นที่ได้มาจะเป็นหุ้นที่โดดเด่น แต่จะดีจริงหรือไม่ระบบไม่ได้รับรู้เพราะเลือกจากราคาปิดของหุ้นเพียงเท่านั้น การใช้ราคาปิดเพียงอย่างเดียวจะแยกบ.ดีออกมาจากบ.ธรรมดาไม่มีทางเป็นไปได้ผลลัพธ์ทางสถิติจะออกมาเป็น หุ้นธรรมดา บ.ทั่วๆไป แต่มีลักษณะทาง Technical ที่น่าสนใจ หุ้นที่ธรรมดานำมาผสมกับเทคนิคชั้นเยี่ยมซึ่งเป็นจุดเด่นของระบบนี้จึงได้ผลตอบแทนในระดับสูงได้

เทคนิคระดับยอดเยี่ยมที่ระบบนำมาใช้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำนายอนาคต แต่เป็น Pattern Strategy ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระบบจะมีแผนการรับมือกับเหตุการณ์เหล่านั้นได้ในลักษณะที่เตรียมพร้อมมาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ซึ่งเป็นจุดอ่อนของนักลงทุนทั่วไปที่ต้องรอให้เกิดเหตุการณ์ก่อนแล้วจะถามนักวิเคราะห์ว่าควรทำอย่างไรแน่นอนคำตอบที่ได้เป็นแค่การปลอบใจ ไม่ว่าจะทำตามหรือไม่ก็สร้างความเสียหายร้ายแรงเสมอ ไม่มีนักลงทุนที่ไหนที่ขาดทุนแค่ -5% แล้วกลุ้มใจจนต้องถามนักวิเคราะห์(อาจมีแต่คงเป็นคนที่แปลกมาก) การขาดทุนระดับ >20% จึงจะต้องถามผู้อื่น ต่างจากระบบที่เตรียมแผนการ ป้องกันหลีกเลี่ยงกรณีที่ทำให้นักลงทุนเสียเปรียบ คงสถานะความได้เปรียบได้อย่างยาวนาน

ระบบได้ทดสอบมาในระยะ 10 ปี มีการใช้งานจริงเพื่อทดสอบว่าเมื่อลงเงินจริงๆจะมีปัญหาในทางปฏิบัติที่ต้องมาปรับแก้ไขหรือไม่
ในฐานะนักลงทุนที่ใช้ระบบ Secret แทบจะไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินที่สำคัญ อาจมีการผสมเปลี่ยนแปลง parameter เพื่อให้ได้หุ้นที่ต่างออกไป หรือ จังหวะซื้อขายที่อาจได้ราคาได้เปรียบหรือเสียเปรียบระบบ แต่จะเป็นเพียงส่วนเล็กน้อย ส่วนที่สำคัญระบบจะออกแบบมาเป็นระบบที่สมบูรณ์แล้ว
นักลงทุนจะมีลักษณะเป็นผู้บริหารกลยุทธ เหมือนการทำร้าน franchise ที่มีระเบียบปฏิบัติมาตรฐานที่ดีให้ปฏิบัติได้อย่างไม่ต้องลองผิดถูก แต่ก็ไม่ได้บังคับให้ทำตรงไปตรงมา อาจนำกลยุทธอื่นเข้ามาผสมดัดแปลงกลยุทธหลักได้ 
นักลงทุนจะสามารถทำเช่นนั้นได้เพราะจะเห็นถึงการทำงานที่สมบูรณ์ของระบบที่ตรงกับลักษณะธรรมชาติ การทำงานที่มีที่มาที่ไป เหตุผลในสิ่งที่เกิดขึ้น

ระบบไม่ได้สร้างนักลงทุนชั้นเซียน แต่ตอบสนองเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนระดับสูง ใกล้เคียงกับกำไรทบต้น 20% ต่อปี
ถ้ามีเป้าหมายที่จะเป็นนักลงทุนชั้นยอด ต้องฝึกฝนด้วยวิธีอื่นที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของตลาด ฝึกฝนการตัดสินใจที่มีแต่สิ่งมีชีวิตเท่านั้นที่จะปรับตัวให้เข้าสภาวะแวดล้อมได้(AI อาจทำได้แต่เบื้องหลังคนเป็นผู้สร้างสิ่งเหล่านี้มา) ซึ่งนักลงทุนโดยทั่วไปจะอยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐานที่ Expert System ทำได้ เพราะ Expert System สร้างมาจาก Expert Human ที่เป็นนักลงทุนเหนือกว่าระดับมาตรฐาน แต่ Expert System จะไม่มีทางเหนือไปกว่ามนุษย์ที่เป็น Legendary Investor ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ 1 ในหลายร้อยล้านคนซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับระบบ Secret Stock ทีเป็น Expert System แต่อย่างใด

Secret Stock เป็นระบบที่สร้างมาเพื่อให้ได้ผลตอบแทนระดับสูงอย่างน่าพอใจก็ถือว่าประสบความสำเร็จที่ระบบทำได้แล้ว

The secret of getting ahead is getting started.
Mark Twain


ตอบแบบฟอร์มฝาก ชื่อ email ให้ติดต่อกลับสำหรับผู้สนใจ-> แบบฟอร์ม

คลิ๊กที่ภาพสำหรับรายละเอียดระบบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น